วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553

บทความที่เกี่ยวกับการเขียนต่างๆ (บทความวิจารณ์)

บทความวิจารณ์

 การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องคุณแม่มือใหม่วัยทีนเอจ
                เมื่อ สัปดาห์ที่ผ่านมา ไปสอนนักศึกษาแพทย์เรื่องจิตวิทยาของหญิงตั้งครรภ์ค่ะ ด้วยความที่ทั้งอาจารย์ทั้งลูกศิษย์ยังไม่เคยมีใครตั้งครรภ์ซักคน เราเลยเรียนกันแบบทฤษฎีล้วนๆโดยนึกความรู้สึกของหญิงตั้งครรภ์ไม่ค่อยออก เท่าไร มีช่วงหนึ่งที่สอนถึง "ความหมายของการตั้งครรภ์" ค่ะ การที่ผู้หญิงเริ่มท้องไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงคนนั้นพร้อมสำหรับการเป็น แม่เสมอไป เช่นเดียวกับผู้ชายที่ทำผู้หญิงท้องได้และดีใจวี้ดว๊ายกระตู้วู้เมื่อคิดว่า ตัวเองกำลังจะมีลูก ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาพร้อมจะเป็นพ่อคนเสมอไปเช่นกัน
                การ์ตูนเรื่อง "คุณแม่มือใหม่วัยทีนเอจ" ทำให้เข้าใจทฤษฎีนี้มากขึ้นจนน้ำตาซึมเลยค่ะ
                " โยชิคาวะ รัน" เด็กสาวมัธยมปลายวัย 16 ปีรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตที่แสนจะเงียบเหงา ทุกวันที่กลับบ้านต้องไปเจอกับคุณพ่อจอมเผด็จการที่เอาแต่ดุว่า (ซึ่งที่ดุว่าก็เพราะพฤติกรรมของเธอเอง) และคุณแม่ที่ยอมตามคุณพ่อและไม่สามารถปกป้องเธอได้เลย ยามที่เศร้าจนอยากร้องไห้ น้องๆ กลับพยายามเข้ามาปลอบซึ่งแทนที่รันจะคิดว่าดี เธอกลับมองว่ากระทั่งอยากร้องไห้คนเดียวเธอยังไม่มีอิสระด้วยซ้ำ ความรู้สึกของวัยรุ่นทุกคนรวมถึงรันคือ "อยากเป็นผู้ใหญ่เร็วๆ เพราะจะได้เป็นอิสระและรับผิดชอบตัวเองได้" เด็กส่วนใหญ่คิดแบบนี้ตอนที่ยังขอเงินพ่อแม่อยู่ทั้งนั้นล่ะค่ะ
                รัน อดทนอยู่ในบ้านที่เธอคิดว่าเป็นแหล่งรวมความทุกข์จนกระทั่งได้เจอ "ฮายาโตะ" เพื่อนผู้ชายที่คุยเก่ง มีเสน่ห์ แต่อารมณ์รุนแรง (ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมพระเอกหนังพวกตบจูบถึงอยู่ได้ เพราะผู้หญิงหลายคนชอบนี่เอง) ฮายาโตะให้ "ความสนใจ" ซึ่งรันคิดว่าตัวเองไม่เคยได้รับจากที่บ้าน และทำให้เธอเข้าใจไปเองว่าคือ "ความรัก" รันจึงตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนและทำงานพิเศษเก็บเงินเล็กๆ น้อยๆ เพื่อต้องการพิสูจน์ว่าเธอสามารถยืนด้วยขาของตัวเองได้
                เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิด ขึ้นเมื่อฮายาโตะประสบอุบัติเหตุทำให้ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล 2  เดือน ตลอดเวลารันต้องทำหน้าที่ดูแลฮายาโตะและทำงานไปด้วย แม้จะไม่อยากทนต่อความเอาแต่ใจของฮายาโตะแต่เมื่อคิดว่าแค่ยอมดูแลรับใช้ แล้วจะได้รับความรักตอบแทน เธอจึงยอมทนมาตลอด
                สุดท้ายฮายาโตะชวนรัน ไปอยู่ด้วยซึ่งเธอก็ตัดสินใจทันทีเมื่อเห็นว่าพ่อแม่พยายามห้ามอย่างไร้ เหตุผล รันดีใจเพราะคิดว่าตัวเองได้เริ่มชีวิตใหม่ โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดจบของความสุข
                ฮายาโตะหึงหวงอย่างหน้ามืดตา มัว ไม่ยอมให้รันคุยกับผู้ชายคนไหนเลยและต้องอยู่บ้านรอคอยการกลับมาของเขาเท่า นั้น หากทำไม่ถูกใจก็จะถูกทำร้ายร่างกาย ทำแล้วก็มาขอโทษทีหลังซึ่งรันก็ยอมใจอ่อนและหลอกตัวเองเรื่อยมาว่าซักวันฮา ยาโตะคงเลิกทำร้ายเธอ หลอกตัวเองเสียจนเรียนรู้ที่จะไม่มีปากมีเสียงเรื่องใดเลยเพื่อให้ไม่ต้อง เจ็บตัว

                ในที่สุดรันก็ตั้งครรภ์ค่ะ แต่ฮายาโตะคงไม่มีสามัญสำนึกของความเป็นพ่อเท่าไร เขายังสูบบุหรี่ในบ้านและทำร้ายร่างกายรันอยู่ตลอดซึ่งรันคิดว่าฮายาโตะต้อง การให้เธอมีลูกเพื่อจะได้อยู่ดูแลลูกและเขาโดยไม่คิดหนีไปไหน พอจะโทรหาเพื่อนก็ปรากฏว่าเบอร์โทรศัพท์ถูกลบหมด ในที่สุดคนที่รันนึกถึงและหวังจะพึ่งพาก็คือคุณพ่อคุณแม่
                เรื่องราว ที่รันทำผิดพลาดมาตลอดคุณพ่อคุณแม่ให้อภัยและยินดีช่วยเหลือโดยไม่บังคับ เหมือนแต่ก่อน เหตุผลคือ "เพราะเป็นชีวิตของรัน" หน้าที่ของพ่อแม่คือแนะนำในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด (ซึ่งรันก็ไม่เชื่อและมาตกระกำลำบากจนได้) แต่ในเมื่อลูกสาวได้เลือกแล้วและล้มเหลว หน้าที่ของพ่อแม่คือช่วยประคองให้อยู่รอดได้อย่างตลอดรอดฝั่ง
                การ์ตูน เรื่องนี้สร้างจากเรื่องเล่าของคุณแม่วัยรุ่นหลายคนซึ่งแต่ละคนมีปัญหาแตก ต่างกันไป ส่วนใหญ่เป็นปัญหาครอบครัวซึ่งทำให้หลายคนคิดว่าอยากรีบมีครอบครัวใหม่เพื่อ ลบภาพแย่ๆของครอบครัวเดิมออกไปให้หมด แต่ในที่สุดเมื่อตัวเองกำลังจะมีลูกจึงเพิ่งเข้าใจความทุกข์ของพ่อแม่

วันที่เราเข้าใจความทุกข์ของพ่อแม่คือวันที่เราพร้อมจะเป็นพ่อแม่คนแล้วค่ะ
                อ่าน จบแล้วชักอยากจะให้คนที่มองว่าเด็กหนีออกจากบ้านเกิดจากเด็กไม่ดีไม่ก็พ่อ แม่ไม่ดีมาอ่านบ้างจังค่ะ ปัญหาพ่อแม่วัยรุ่นเหล่านี้แท้จริงแล้วมีสาเหตุจากหลายปัจจัย ไม่มีใครถูกผิด (แต่มักจะผิดด้วยกันทุกคน)
                การ์ตูนเล่มนี้สอนให้เรา มองปัญหาและหาทางแก้มากกว่าที่จะมาจับผิดว่าเป็นเพราะใครทำให้เกิดปัญหาแบบ นี้ขึ้นซึ่งทางแก้ก็จะไปคนละเรื่องเลย



บทวิจารณ์สงกรานต์กับวัยรุ่นไทย : สงกรานต์ สงคราม หรือ...(เซ็นเซอร์)

                13 เมษายนของทุกๆปีเป็นวันที่มีความหมายต่อพวกเรา คนไทยทุกคนในหลายๆความหมาย ตามโบราณดั้งเดิมนั้นถือว่าวันที่ 13 เมษายนของทุกปีเป็นวัน "มหาสงกรานต์" ที่การเคลื่อนย้ายของพระอาทิตย์จะโคจรจากราศีมีน เข้าสู่ราศีเมษ อันเป็นวันที่พระอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งกึ่งกลาง ทำให้เวลาระหว่างกลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน จึงเป็นที่มาของชื่อเทศกาล "สงกรานต์" ที่เป็นภาษาสันสกฤตและมีความหมายว่า ผ่าน หรือ เคลื่อนย้าย เป็นวันที่ลูกหลานและผู้หลักผู้ใหญ่ในครอบครัวจะได้กลับมาพบหน้าพบปะถามไถ่สารทุกข์สุขดิบซึ่งกันและกัน
                แต่กับปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะตามสถานที่ที่เป็นที่นิยมของวัยรุ่น เช่น ตรอกข้าวสาร ดูเหมือนว่าจุดประสงค์ของ "มหาสงกรานต์" จะเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง ด้วยบรรยากาศที่วุ่นวาย อึกทึก เบียดเสียด ไม่ปลอดภัย และรุนแรง ด้วยเสียงที่เปิดแข่งกันดังลั่น ด้วยแอลกอฮอล์ขวดแล้วขวดเล่าที่ผ่านลำคอลงระเพาะแล้วส่งผลต่อสำนึกและศีลธรรม ด้วยการแต่งตัวโชว์สัดส่วนองค์เอว ด้วยคนจำนวนมากที่เบียดเสียดยัดเยียดจนไม่เป็นอิสระ ด้วยการสาดน้ำที่รุนแรง ใช้น้ำเย็นเฉียบสาดเข้าใส่ ใช้น้ำแข็งขว้างปา ด้วยการประแป้งที่ไม่ได้มีเพียงจุดประสงค์ดีเท่านั้น
                ด้วยบรรยากาศที่ว่ามาทั้งหมด จึงเป็นที่มาของชื่อบทความนี้ วัยรุ่นไทย : สงกรานต์ สงคราม หรือสมกามจะมีวัยรุ่นไทยมากเท่าไรที่สามารถตอบได้ว่าตำนานเรื่องเล่าสืบต่อกันมาของสงกรานต์ไทย คือ เรื่องของท้าวกบิลพรหมกับธิดาทั้ง 7 จะมีสักกี่คนที่รู้ความหมายที่แท้จริงของคำว่า "สงกรานต์" จะมีใครที่กลับบ้านไปหาญาติพี่น้อง พ่อแม่ ปู่ย่าตายายเพื่อเยี่ยมเยียนและดูแลท่าน ทำความเคารพท่าน กราบไหว้และรดน้ำดำหัวแสดงความเคารพท่าน
                ดูเหมือนว่าวัยรุ่นไทยสมัยนี้จะตีความ "สงกรานต์" กลายเป็น "สงคราม" และ "สมกาม" ไปเสียมากกว่า   
-สงคราม-
เมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ วัยรุ่นไทยหลายคนต่างพากันจะแจงจัดเตรียมอุปกรณ์ในการเล่นน้ำราวกับอาวุธยุทโธปกรณ์ในสงคราม การละเล่นที่รุนแรง ปืนฉีดน้ำที่มีแรงดันสูง น้ำที่แช่น้ำแข็งจนเย็นเฉียบ น้ำแข็งขนาดต่างๆที่ปลิวว่อน ถุงพลาสติกบรรจุน้ำ และพาหนะในการเดินทาง สิ่งเหล่านี้เปรียบได้กับปืนและลูกระเบิดที่รอเวลาที่จะถูกระดมยิงและขว้างปาเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างบ้าคลั่ง ประกอบกับอาการมึนเมาด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์และความคึกคะนองก็ยิ่งทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูรุนแรงมากขึ้น หลายครั้งหลายหนที่เกิดเหตุการณ์ทะเลาะต่อยตีกันเพราะมีสาเหตุเกิดจากการละเล่นที่รุนแรง หลายครั้งหลายหนที่เกิดอุบัติเหตุตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงอาการสาหัสจากการละเล่นที่รุนแรงขาดความยั้งคิด

-
สมกาม-
โดยส่วนตัวมีความเชื่อว่า วัยรุ่นไทยหลายคนตัดสินใจใช้เวลาในเทศกาลสงกรานต์ไปกับการมีเพศสัมพันธ์ ทั้งเต็มใจและไม่เต็มใจ ทั้งยินยอมและไม่ยินยอม และมีวัยรุ่นไทย โดยเฉพาะผู้ชายที่ตั้งใจไป "หาเศษหาเลย" กับสาวๆที่มาร่วมเล่นน้ำโดยการประแป้ง ซึ่งน่าจะเรียกว่าการ "ป้าย" มากกว่า "ประ" ที่จะลากยาวตั้งแต่ใบหน้า ลงมาตามลำคอ ผ่านหน้าอก และอาจยาวลงไปถึงส่วนพึงสงวนของสาวๆขึ้นอยู่กับสถานที่และโอกาสจะอำนวยได้ อีกทั้งการแต่งตัวที่เปิดเผยเนื้อหนังมังสาที่มากเกินควร เสื้อผ้าที่รัดรูปยามเปียกน้ำเผยทรวดทรงองค์เอว และความมึนเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้กลายเป็นเทศกาลที่เปรียบดั่งฤดูกาล "ล่าเหยื่อ" โดยเฉพาะ
                ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร? ปัญหามาจากอะไร? และจะแก้ได้อย่างไร? ส่วนตัวเชื่อว่าปัญหามาจากสองประเด็นหลัก นั่นคือการเลี้ยงดู และสภาพสังคม
-การเลี้ยงดู-
การเลี้ยงดูอย่างปล่อยปะละเลย การเลี้ยงดูแบบสัตว์เลี้ยงลูกด้วยเงิน ความห่างเหินของสายใยครอบครัว เป็นเพียงสาเหตุบางส่วนที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น ปัจจุบันครอบครัวของคนไทยส่วนใหญ่มักเป็นครอบครัวที่มีขนาดเล็กลงจนเหลือเพียงส่วนย่อยที่สุดนั่นคือ พ่อ แม่ ลูก เท่านั้น ซึ่งมีผลกระทบต่อการเลี้ยงดูบุตรเป็นอย่างมากหากว่าทั้งฝ่ายพ่อและแม่ต้องออกไปทำงานหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวและจ้างผู้ดูแลมาเลี้ยงดูบุตร ทำให้สายใยระหว่างพ่อแม่กับลูกห่างเหินไปในระดับหนึ่ง และเมื่อเป็นส่วนย่อยที่สุดของครอบครัวก็ยิ่งทำให้สายใยระหว่าง ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา กับหลาน ยิ่งห่างขึ้นมากทุกทีก่อให้เกิดปัญหาทางการขาดความอบอุ่นในครอบครัวและการเลี้ยงดูที่ไม่ต่อเนื่อง ขาดการแนะนำ ดูแล เอาใจใส่ให้เด็กได้พัฒนาไปตามธรรมชาติ
                การตามใจลูกโดยการใช้เงินปรนเปรอก็ยิ่งปลูกฝังให้ลูกรู้จักวิธีการแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยการใช้เงินซื้อทุกอย่างเพียงอย่างเดียว ทำให้กลายเป็นคนเอาแต่ใจ เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตน หลงในวัตถุและความสนุกเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่าที่จะใช้เงินแสวงหามาได้
                ครอบครัวที่ทะเลาะเบาะแว้งตบตีเป็นประจำทำให้ลูกซึมซับความรุนแรงโดยไม่รู้ตัว และหากยิ่งฝ่ายพ่อเป็นผู้ใช้กำลังรุนแรงกับแม่ เด็กก็จะเรียนรู้ทางใดทางหนึ่งระหว่างเกลียดความรุนแรงที่พ่อทำ กับดูดซับและยอมรับความรุนแรงที่พ่อทำต่อแม่ว่าเป็นสิ่งดี ก่อให้เกิดความคิดที่ว่าผู้ชายเหนือกว่าผู้หญิงและอาจก่อให้เกิดพฤติกรรมและความคิดที่เป็นอันตรายต่อผู้หญิงได้ทุกเมื่อ

-
สภาพสังคม-
สื่อยั่วยุ การแต่งกาย เศรษฐกิจ ระดับการศึกษา และอีกหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดการบิดเบือนของประเพณีอันดีงามที่สืบทอดมาแต่โบราณให้ล่มสลายไปกับน้ำมือของวัยรุ่นในยุคปัจจุบัน
                น้ำเมาที่หาซื้อได้ง่ายตามร้านมินิมาร์ททั่วไปตามท้องถนนทำให้แอลกอฮอล์ผ่านลำคอวัยรุ่นได้ง่าย แม้ออกกฏหมายบังคับห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีมิให้ซื้อเครื่องดื่มมึนเมาได้ก็ตาม แต่ก็มีหลากหลายวิธีที่สามารถหลบเลี่ยงกฏหมายนั้นได้ วิธีที่ง่ายที่สุดคือให้ผู้ปกครองหรือผู้ที่มีอายุเกิน 18 ปีเข้าไปซื้อมาให้ ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถทำได้โดยไม่ต้องยุ่งยากแต่อย่างใดและสามารถทำได้เกือบทุกที่ทุกเวลา
                เศรษฐกิจที่กำลังเติบโตและมีอัตราค่าครองชีพสูงก็เป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุของปัญหา ซึ่งเกี่ยวพันกับการเลี้ยงดูดังที่กล่าวมาแล้ว ครอบครัวที่มีขนาดเล็ก มีเพียง พ่อ แม่ ลูกนั้นทให้พ่อและแม่ต้องออกไปหาเลี้ยงครอบครัวและทิ้งลูกน้อยไว้ในความเลี้ยงดูของบุคคลอื่นทำให้สายใยที่เชื่อมโยงเข้าด้วยกันเบาบางลงทุกขณะ
                สภาพสังคมที่พัฒนาทางด้านวัตถุไปอย่างรวดเร็วจนความเจริญทางด้านจิตวิญญาณและจิตสำนึกกลับถูกกลบลบเลือนหายไปด้วยเสียงเพลงที่แผดสนั่น สื่อลามกอนาจารที่สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้โดยง่าย การใช้จ่ายฟุ้งเฟ้อเพียงเพราะต้องการสนองความอยากได้อยากมีของตนจนทำให้วัยรุ่นหญิงไทยหลายคนตัดสินใจ "หากินแนวนอน" และการใช้เงินฟุ่มเฟือยสนองตอบความต้องการชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในบรรดาวัยรุ่นชาย
                การให้การศึกษาเรื่อง "เพศศึกษา" ที่เปรียบดั่งแดนสนทยาสำหรับวัยรุ่นไทยที่ไม่ได้รับคำตอบที่ถูกต้อง ไม่ได้เรียนรู้ถึงวิธีการหลีกเลี่ยงถึงโอกาสเสี่ยงต่อการชักนำสู่การมีเพศสัมพันธ์ ไม่ได้นำเสนอตัวช่วยในการควบคุมและระบายความใคร่ของตนที่เหมาะสม ไม่ได้เรียนรู้ถึงวิธีการป้องกันตัวเองและคู่นอนจากการตั้งครรภ์ที่ถูกวิธี ทำให้ปัญหาทั้งหลายตามมาเป็นโขยงเพราะความอยากรู้อยากเห็นอยากลองอยากทำของวัยรุ่นไทย เพราะความมึนเมาของแอลกอฮอล์ที่ครอบงำสติสัมปชัญญะ เพราะการเย้ายวนจากสื่อทั้งหลายและการแต่งตัว
                นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ "ปัจจัย" ที่ก่อให้เกิดปัญหาทั้งหมดขึ้นเท่านั้น ยังมีอีกหลากหลายปัญหาที่ชอนไชลงไปในปัญหานี้ราวกับรากของต้นไม้ที่แตกแขนงออกไปไม่สิ้นสุด การจะแก้ปัญหานี้ได้นั้นคงไม่สามารถแก้ได้ภายในเร็ววัน แต่ต้องแก้ไปทีละจุดอย่างใช้เวลาและความตั้งใจจริงจากทุกคนและทุกฝ่ายที่จะร่วมมือกันเพื่ออนาคตอันสดใสของวัยรุ่นไทย หวังว่าวัยรุ่นไทยที่ได้อ่านบทความนี้แล้วจะตระหนักถึงบทบาท หน้าที่ และขอบเขตของตัวเอง ตระหนักรู้ว่าตัวเองคือใคร มีหน้าที่อะไร และสมควรทำสิ่งใด ตระหนักรู้ว่าสิ่งใดถูก และสิ่งใดผิด สิ่งใดก่อประโยชน์ และสิ่งใดก่อความเดือดร้อนต่อผู้อื่น อย่าให้ประเพณีอันดีงามที่เหล่าบรรพบุรุษทั้งหลายต้องสูญเสียเลือดเนื้อเพื่อปกปักรักษาไว้ต้องมาถูกทำลายย่อยยับเพียงเพราะความคึกคะนองและเห็นแก่ได้ของเราเพียงอย่างเดียวเลย



บทความวิจารณ์ หนังสือความสุขของกะทิ
หมวดหมู่:
หนังสือ
ประเภท:
อื่น ๆ
ผู้ประพันธ์:
นัทธนัย ประสานนาม

                ข้อต่อไปที่จะวิพากษ์คือคุณธรรมของผู้หญิงในเรื่องนี้ ชีวิตคนในความสุขของกะทิ ถึงแม้ไม่สมบูรณ์แบบ เพราะเต็มไปด้วยการพลัดพราก ความตาย และความสูญเสีย แต่เราต้องยอมรับว่า กะทิได้พบแต่คนดีๆอย่างน่าอัศจรรย์ และตัวกะทิเองก็เป็นคนดีสมแก่ฐานะการเลี้ยงดูด้วย ยกตัวอย่างเช่นเมื่อกะทิเล่าให้แม่ฟังเกี่ยวกับพิราวรรณเพื่อนนักเรียนที่ขากรรไกรหัก เพื่อนๆชอบเรียกว่ายายเอ๋อ ไม่ยอมเล่นด้วย กะทิเลยชวนพิราวรรณมานั่งอ่านหนังสือสนุกๆ จะชวนคุยก็ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะพูดไม่ค่อยถนัด”(60) น้ำใจของเด็กหญิงช่างแสนงดงาม จะคิดมากเกินไปหรือไม่หากกล่าวว่าตอนนี้กะทิเป็นภาพแทนวัยเด็กของผู้หญิงที่จะเติบโตขึ้นไปเป็นนักสังคมสงเคราะห์ตามแบบฉบับของผู้หญิงชนชั้นกลางและชนชั้นกลางระดับสูงทั้งหลาย
นอกจากกะทิแล้วตัวละครหญิงตัวอื่นยังเปี่ยมด้วยคุณธรรม เช่น พี่สดับที่ทิ้งน้องทิวไปทั้งที่เพิ่งคลอดออกมา พี่สดับก้มหน้าด้วยความละอาย ...พี่สดับไม่มีทางเลือก จึงต้องหนีออกจากบ้าน” (169) ครูราตรีที่ตัดสินใจหย่าขาดจากสามีเมื่อพบว่าเขามีครอบครัวอยู่ก่อนแล้ว ราตรีไม่เคยต้องการทำร้ายใคร และในชีวิตก็ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องกลายมาเป็นคนทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งและเด็กเล็กๆสองคนเป็นทุกข์ จนวันตาย ราตรีก็ไม่ลืมสายตาช้ำตรมของผู้หญิงคนนั้น”(63-64) ผู้เขียนอาจต้องการเสนอว่าผู้หญิงทุกคนอาจเคยทำผิดพลาด แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะสำนึกผิดและแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร
                คุณธรรมของตัวละครหญิงในเรื่องนี้มิใช่ธรรมดา เพราะเป็นสิ่งที่ประกอบสร้างผ่านอำนาจชายเป็นใหญ่ โปรดสังเกต การที่สดับต้องละอายมากเพราะว่าเธอละทิ้งบทบาทของแม่ที่ควรกระทำ สดับจึงกลายเป็น แม่ใจยักษ์เช่นเดียวกับที่ปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์ งามพรรณอาจมองเห็นประเด็นนี้จึงพยายามสร้างคำอธิบายว่าธงไทยพ่อของน้องทิวเสียชีวิตที่ไต้หวันเพราะเข้าไปช่วยเพื่อนคนงานที่ติดอยู่ในตึกระหว่างเกิดไฟไหม้ เป็นอันว่าพี่สดับพ้นโทษเพราะรับผิด ส่วนธงไทยที่ไม่ได้อยู่รับผิดชอบก็ได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษไป (แน่นอนว่าชื่อธงไทยเชื่อมโยงกับความเป็นวีรบุรุษชาวไทย) ฝ่ายครูราตรีเมื่อรู้ว่าตัวเองมาทีหลังก็ต้องถอยฉากมา เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันครอบครัวของสามีที่ตราไว้โดยอุดมการณ์ชายเป็นใหญ่เช่นกันว่าประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูก สุขสมบูรณ์ อาจยังมีข้อโต้แย้งอีกว่าเรื่องนี้ชายอาจไม่เป็นใหญ่เพราะกะทิอยู่ได้โดยไร้พ่อ คำอธิบายสำหรับข้อโต้แย้งนี้คือ ความสุขของกะทิ เสนอตัวตนของ พ่อผ่านผู้ชายหลายคนในเรื่อง เริ่มตั้งแต่ตาที่แสร้งทำเป็นกลัวยาย แต่ตาในฐานะนักกฎหมายเก่าก็เป็นที่นับหน้าถือตาของคนในชุมชน กล่าวคืออยู่ในพื้นที่สาธารณะอย่างสมภาคภูมิ และเป็นที่พึ่งให้แก่ยายยามอ่อนแอ เช่นเดียวกับกะทิที่มีคาถาว่า คิดอะไรไม่ออกให้บอกตานอกจากตาแล้วยังมี่น้ากันต์ที่ให้กะทิขี่หลัง พี่ทองที่คอยช่วยเหลือกะทิ รวมทั้งเชิงรบลูกชายปลัดอำเภอที่กะทิไม่เคยเห็นความสำคัญ จนกระทั่งเขาได้แสดงความเป็นชายที่ปกป้องคุ้มครองกะทิได้ด้วยการแสดงฝีมือยูโดทุ่มป้อมยักษ์เพื่อนอันธพาลลงไปนอนกอง ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเรียก กะทิจะจงใจเดินช้าลงและยอมให้เชิงรบเดินคู่ด้วยสายตาของใครต่อใคร ตำแหน่งหวานใจฮีโร่จะเป็นใครที่ไหนย่อมไม่ได้ทั้งนั้น กะทิคิด”(184)
                ตัวตนของพ่อที่เด่นชัดที่สุดคือลุงวสันต์ผู้แอบรักแม่ของกะทิมาตลอด เสียงของลุงวสันต์นุ่มนวลและมีบางอย่างในท่าทีที่กะทิรู้สึกอุ่นใจเมื่ออยู่ใกล้ ... ตาสบตากันนิ่งนาน กะทิได้แต่หวังว่าลุงวสันต์จะพบบางส่วนเสี้ยวของแม่ในตัวกะทิบ้าง ลุงวสันต์จูบหน้าผากของกะทิเบาๆ” (197) งามพรรณกำหนดให้วสันต์ปฏิบัติต่อกะทิเสมือนหนึ่งลูกสาว เช่นเดียวกับกะทิที่มีแนวโน้มว่าจะมองลุงวสันต์ในฐานะพ่อ การที่กะทิตัดสินใจไม่ติดต่อพ่ออาจเป็นเพราะกะทิมีพ่อตัวแทนอยู่เต็มไปหมด มีอำนาจของผู้ชายให้พึ่งพิงไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวขาดไร้                  ประเด็นของลุงตองที่เป็นชายที่ไม่สนใจผู้หญิงก็น่าสนใจ ดูเหมือนงามพรรณต้องการเปิดพื้นที่ให้แก่เพศที่แตกต่างมากขึ้น แต่ว่าภาพเสนอของลุงตองในฐานะชายที่ไม่สนใจผู้หญิงก็ยังคงปราศจากมิติ และเป็นวิธีอธิบายผ่านปากคำของตัวละครอื่นที่ไม่ใช่เจ้าตัว ยิ่งไปกว่านั้นงามพรรณยังให้ลุงตองทำหน้าที่พ่อของน้องทิวด้วย แม้ลุงตองจะมีเพศวิถีที่แตกต่าง ทว่าเพศสถานะของลุงตองยังคงเป็นชายตามการคิดแบ่งขั้ว ชาย-หญิง รักต่างเพศของปิตาธิปไตยอยู่นั่นเอง 
                ที่กล่าวมาทั้งหมดคือการตีความ ความสุขของกะทิ ผ่านแว่นของสตรีนิยมที่กระเดียดไปทางสายถอนรากถอนโคนหรือสายรากเหง้า (Radical feminism) สตรีนิยมสายนี้มองว่าวิธีการเดียวที่ผู้หญิงจะได้รับความเท่าเทียมคือการล้มล้างอำนาจชายเป็นใหญ่ ตัวอย่างการอ่านชีวิตของกะทิและผู้ที่อยู่แวดล้อมแม้จะดูเหมือนการ จับผิดแต่ก็ทำให้เราแน่ใจว่าร่างแหอำนาจของผู้ชายนั้นแผ่คลุมโลกเราอยู่ทั้งในระดับสังคมและปัจเจกบุคคล อำนาจชายเป็นใหญ่ผลิตค่านิยมและระบบคิดที่สัมพันธ์กับสถานภาพและวิธีที่คนปฏิบัติต่อกัน หากจะใช้คำของงามพรรณมาอธิบายเรื่องนี้ คงต้องกล่าวว่าอำนาจของผู้ชายนั้นซึมซ่านอยู่ใน เนื้อชีวิตของเรา 
บทความจาก กรุงเทพธุรกิจ: จุดประกาย (19 มกราคม 2550)







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น